" "

เล่นที่เวียดนาม แต่ชายคนนี้ต้องเสียน้ำตาที่เมืองไทย

หากยุคนั้นมีโลกโซเชียลเช่นทุกวันนี้ รับรองกระหึ่มโลกแน่นอน

แมตซ์การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ของภูมิภาคอาเซี่ยนอย่าง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซี่ยน หรือ ฟุตบอลไทเกอร์คัพ ครั้งที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1998 ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพโดยเตะระหว่าง 26 ส.ค. – 5 ก.ย. 2541

ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวมีเกมอัปยศเกิดขึ้น เมื่อ 31 ส.ค. 2541 ระหว่าง ทีมชาติไทยกับ อินโดนีเซีย

เป็นเกมรอบแรกนัดสุดท้ายของกลุ่ม เอ ที่นอกจากไทย,อินโดฯ แล้วมี พม่ากับฟิลิปปินส์ ร่วมสายด้วย

ส่วน สาย บี นั้น ประกอบด้วย สิงคโปร์ , เวียดนาม ,มาเลเซีย และ ลาว

ก่อนถึงเกมระหว่าง ไทยกับ อินโดฯ นั้น ผลงาน 2 ทีมมีดังนี้ อินโดฯ นัดแรก ชนะ ฟิลิปปินส์ 3-0 , นัดสอง ชนะ พม่า 6-2 แข้งอิเหนา มี 6 แต้ม

ไทย มี 4 แต้ม จาก 2 นัด นัดแรก เสมอ พม่า 1-1 , นัดสอง ชนะ ฟิลิปปินส์ 3-1 เกมที่ 2 ทีมเจอกันนั้นเท่ากับการเป็นแย่งกันเป็นอันดับ 1 และ 2 ของสายเพราะ 2 ทีมนั้นต่างตกรอบกันไปแล้ว

เกมนั้น อินโดฯ  นำก่อน 1-0 ใน น. 52 จาก  Miro Baldo Bento น. 62 จากนั้น กฤษดา เพี้ยนดิษฐ์ ยิงให้ไทยตามตีเสมอ 1-1 อินโดฯ แซงนำ 2-1 ท้ายเกม น. 84 จาก Aji Santoso แต่ น. 86 ไทยก็ตามตีเสมอได้ 2-2 จาก เทิดศักดิ์ ใจมั่น หากจบแบบนี้ 2 ทีมจะได้เพิ่มทีมละแต้ม และ อินโดฯ จะเป็นอันดับ 1 ของสาย แต่แล้ว เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น ในน. 90 เมื่อ Mursyid Effendi  พาบอลเข้าไปยิงประตูตัวเอง ให้ไทย แซงนำอีกครั้งเป็น 3-2 และชนะไปได้ทำให้ไทยแซงอินโดฯจบด้วยการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ,อินโดฯอันดับ 2

เหตุการณ์นั้นถือว่าช็อคสุดๆเลยทีเดียว สุดท้าย 2 ทีมก็ไปไม่ถึงดวงดาว รอบรองฯ ไทย แพ้ เวียดนาม เจ้าภาพ อันดับ 1 สาย บี 0-3 , อินโดฯที่อยากแพ้จัดเพื่อหนีเวียดนาม ก็แพ้ สิงคโปร์ อันดับ 2 ของสายบี ไป 1-2 กระทั่งเวียดนาม เจ้าภาพ เองก็ไปแพ้ สิงคโปร์ 0-1 ในนัดชิงฯ พลาดแชมป์ไทย ส่วนไทยชิงอันดับ 3 ก็แพ้ดวลจุดโทษ อินโดฯไปอีก

ทำไม 2 ทีมถึงไม่อยากชนะเพื่อเป็นที่ 1 เพราะปกติรายการนี้มีคำว่าศักดิ์ศรีค้ำคออยู่ !

อินโดฯ ต้องการแพ้เพื่อต้องการเป็นที่ 2 และไม่อยากเจอเจ้าภาพ เช่นเดียวกับไทยก็ไม่ต้องการเป็นที่1 เพื่อไปเจอ เวียดนาม เช่นกัน

เพราะ เจ้าภาพเวียดนามได้วางแผนการแข่งขันโดยหวังให้ตัวเองในฐานะเจ้าภาพได้เปรียบคู่แข่ง

โดยให้ทีมที่เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ต้องเดินทางจากโฮจิมินห์ ไปแข่งขันที่ฮานอย หลังจบเกมรอบแรกนัดสุดท้าย เพียง 2 วัน ก่อนถึงเกมรอบรองฯ ซึ่งการเดินทางมี 3 วิธีคือ โดยเครื่องบิน ใช้เวลา 1 ช.มกว่าๆ, นั่งรถไฟใช้เวลากว่า 42 ชม. และอีกทางเลือก คือ นั่งรถทัวร์ 30 ชม.

เกมไทยกับ อินโดนีเซีย แข่งขันวันที่ 31 ส.ค. 41 และต้องเล่นรอบรองฯกับเจ้าภาพ วันที่ 2 ก.ย. 41

เบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรมากกว่านั้นหลายท่านคงทราบไปแล้วแต่สุดท้ายกุนซือขณะนั้นอย่าง “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล เมื่อกลับมา ก็โดนลงโทษจาก เอเอฟซี ห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับฟุตบอลในประเทศ 5 ปี และ”โค้ชเฮง”ได้เดินทางถิ่นที่คุ้นเคยไปทำงานที่ญี่ปุ่น

กลับมาจากวันนั้น สมาคมฯได้เรียกให้คนรับผิดชอบเข้าชี้แจง และมีบุคคลที่ชื่อ “เฮียฮ้อ” อภินันท์ ฮ้อแสงชัย ในฐานะผช.ผจก.ทีมนักธุรกิจหนุ่มที่ถูกทาบทามให้มาช่วยงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯในช่วงนั้น และเป็นคนเดินทางไปดูแลทีมอย่างใกล้ชิดพร้อมด้วย เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผช.ผจก.ทีม อีกคนแทน ผจก.ทีมตัวจริงอย่าง “บิ๊กแป๊ะ “ถิรชัย วุฒิธรรม ที่ไม่ได้เดินทางไปเวียดนามด้วย ต้องหลั่งน้ำตาในระหว่างการชี้แจงด้วย

ก่อนที่สุดท้ายเขาจะหันหลังให้กับวงการฟุตบอลไทยไปในที่สุด ?

สำหรับรายชื่อนักเตะทีมชาติไทยชุดนั้นที่ถูกเรียกขานว่าแมตซ์อัปยศวงการลูกหนังเอเซีย มีดังนี้

กิตติศักดิ์ ระวังป่า, สราวุธ คำบัว, โกวิทย์ ฝอยทอง, ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์, โชคทวี พรหมรัตน์, นิเวส ศิริวงศ์, นที ทองสุกแก้ว, สุรชัย จิระศิริโชติ, กฤษดา เพี้ยนดิษฐ์, เสนาะ โล่งสว่าง, อนัน พันแสน, สุนัย ใจดี, สุรชัย จตุภัทรพงษ์, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ชายชาญ เขียวเสน, วรวุธ ศรีมะฆะ, ส่งเสริม มาเพิ่ม, รณชัย สยมชัย

หัวหน้าผู้ฝึกสอน วิทยา เลาหกุล ,ผช.ผู้ฝึกสอน อาจหาญ ทรงงามทรัพย์, ประพล พงษ์พานิช, บงการ พรมผุย

.

.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ :: https://www.topscorethai.com/